Japanese Cedar (Cryptomeria Japonica Bud Extract)
*ต้องใช้ติดต่อ และต่อเนื่อง อย่างต่ำ 30วัน จึงสามารถเริ่มเห็นผลได้ชัดเจน และยืนยาว*
สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar (Cryptomeria Japonica Bud Extract) มีประสิทธิภาพต่างๆต่อผิวดังนี้
ผลการทดลองในห้องแลป เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ต่อผิว:
สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar (Cryptomeria Japonica Bud Extract) มีประสิทธิภาพต่างๆต่อผิวดังนี้
- เสริมการสร้างเซลล์ผิวใหม่ชั้น epidermis ตั้งแต่ชั้นล่างสุด (basal layer) จนถึงผิวชั้นบนสุด (surface corneocytes) โครงสร้างผิวเชิงลึกดูแน่นยิ่งขึ้น
- คืนความแข็งแรงให้โครงสร้างผิว (Skin barrier) และยังช่วยปรับให้ผิวเรียบเนียนยิ่งขึ้น
- ผิวมีความชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น คุณภาพผิวโดยรวมดูดีขึ้น
- ช่วยเพิ่มการผลัดเซลล์ผิวให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนนุ่มน่าสัมผัสยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- สามารถใช้กับผิวได้ทุกสภาพแม้ผิวแพ้ง่าย (มีการทดสอบกับกลุ่มอาสาสมัครที่มีผิวแพ้ง่ายภายใต้การควบคุม ของผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง)
ผลการทดลองในห้องแลป เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ต่อผิว:
คำอธิบายจากภาพ:
1. เอนไซม์ KLK-5 มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งจะช่วยกาจัดเซลล์ผิวชั้นนอกสุดและเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกจากผิว
- การทำงานของเอนไซม์ KLK-5 เพิ่มขึ้น +50% หลังใช้ สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar
2. เอนไซม์ Ceramide synthase 3 (CerS3) มีหน้าที่ในการสังเคราะห์เซราไมด์ชนิดสายยาว (long-chain ceramides) ซึ่งมีบทบาทในการเชื่อมยึดระหว่างให้เซลล์ผิวให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
- ปริมาณของ CerS3 mRNA เพิ่มขึ้น +25% หลังใช้ สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar
3. Involucrin และ Filaggrin เป็นตัวบ่งชี้การแบ่งตัวใหม่ของเซลล์ของผิวชั้น Stratum spinosum และ Stratum granulosum ตามลำดับ
- ปริมาณของ Involucrin เพิ่มขึ้น +87% หลังใช้ สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar
- ปริมาณของ Filaggrin เพิ่มขึ้น +38% หลังใช้ สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar
4. KI-67 เป็นสารบ่งชี้ว่าเซลล์ Keratinocytes ในผิวชั้น Basal layers ได้มีการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนขึ้น
- ปริมาณของ KI-67 เพิ่มขึ้น +67% หลังใช้ สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar
5. เอนไซม์ caspase-14 เป็นเอนไซม์ที่สามารถเปลี่ยน Filaggrin ให้กลายเป็นกรดอะมิโนอิสระ (free amino acids) ซึ่งช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้แก่ผิว โดยกระบวนการนี้เกิดขึ้นในผิวชั้น Stratum corneum
- เอนไซม์ caspase-14 เพิ่มขึ้น +67% หลังใช้ สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar
สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar จึงถูกนำมาใช้เป็นสาร anti-aging ที่มีประสิทธิภาพดี และให้ผลรอบด้าน โดยจะต้องใช้อย่างต่ำ 30วัน ต่อเนื่อง จึงสามารถเห็นผลได้ชัดเจน และยืนยาว
1. เอนไซม์ KLK-5 มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งจะช่วยกาจัดเซลล์ผิวชั้นนอกสุดและเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกจากผิว
- การทำงานของเอนไซม์ KLK-5 เพิ่มขึ้น +50% หลังใช้ สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar
2. เอนไซม์ Ceramide synthase 3 (CerS3) มีหน้าที่ในการสังเคราะห์เซราไมด์ชนิดสายยาว (long-chain ceramides) ซึ่งมีบทบาทในการเชื่อมยึดระหว่างให้เซลล์ผิวให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
- ปริมาณของ CerS3 mRNA เพิ่มขึ้น +25% หลังใช้ สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar
3. Involucrin และ Filaggrin เป็นตัวบ่งชี้การแบ่งตัวใหม่ของเซลล์ของผิวชั้น Stratum spinosum และ Stratum granulosum ตามลำดับ
- ปริมาณของ Involucrin เพิ่มขึ้น +87% หลังใช้ สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar
- ปริมาณของ Filaggrin เพิ่มขึ้น +38% หลังใช้ สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar
4. KI-67 เป็นสารบ่งชี้ว่าเซลล์ Keratinocytes ในผิวชั้น Basal layers ได้มีการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนขึ้น
- ปริมาณของ KI-67 เพิ่มขึ้น +67% หลังใช้ สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar
5. เอนไซม์ caspase-14 เป็นเอนไซม์ที่สามารถเปลี่ยน Filaggrin ให้กลายเป็นกรดอะมิโนอิสระ (free amino acids) ซึ่งช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้แก่ผิว โดยกระบวนการนี้เกิดขึ้นในผิวชั้น Stratum corneum
- เอนไซม์ caspase-14 เพิ่มขึ้น +67% หลังใช้ สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar
สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar จึงถูกนำมาใช้เป็นสาร anti-aging ที่มีประสิทธิภาพดี และให้ผลรอบด้าน โดยจะต้องใช้อย่างต่ำ 30วัน ต่อเนื่อง จึงสามารถเห็นผลได้ชัดเจน และยืนยาว