Vitamin B12 (Cyanocobalamin 1%)
วิตามิน บี 12 (ชนิด Cyanocobalamin ความเข้มข้น 1%) มีประสิทธิภาพในการลดการอักเสบระคายเคืองผิว ปรับสภาพผิวให้ความชุ่มชื้น กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิว (regenerative) และลดอาการแพ้ของผิวซึ่งเกิดจากภูมิคุ้มกัน
ตัวอย่างการระคายเคือง อักเสบ ที่สามารถใช้ได้
ตัวอย่างการควบคุมภูมิคุ้มกัน จากอาการแพ้ต่างๆ ที่สามารถใช้ได้
เนื่องจาก Vitamin B12 ช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายสร้างเซลล์ใหม่ได้ (regenerative, cell reproduction) จึงสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิว ที่ถูกทำลาย เช่นรอยแผลเป็นจากสิว ริ้วรอยที่เกิดจากผิวที่มีอายุมากขึ้น
การใช้ในปริมาณสูงจะทำให้สีของสูตรออกสีชมพูอ่อน
คำเตือน:
ตัวอย่างการระคายเคือง อักเสบ ที่สามารถใช้ได้
- ผิวระคายเคือง จากการออกแดด โดยแสง UV เผาทำลาย
- ผิวระคายเคือง จากการโกนหนวด (สามารถใช้ผสมใน After-shave cream)
- ผิวระคายเคือง จากการใช้ยารักษาสิว ยาละลายสิว
- Daiper rash (ผื่นผ้าอ้อม)
ตัวอย่างการควบคุมภูมิคุ้มกัน จากอาการแพ้ต่างๆ ที่สามารถใช้ได้
- eczema (แพ้ผื่นคัน)
- atopic dermatitis (ผื่นแพ้) สามารถใช้ได้สูงที่ 0.05-0.07% หรือเท่ากับ 5-7% ของ Vitamin B12 ความเข้มข้น 1% โดยแนะนำให้ใช้ร่วมกับ Licochalcone A ซึ่งจะช่วยเสริมประสิทธิภาพ
- โรคสะเก็ดเงิน (ให้ใช้ได้สูงที่ 0.07% หรือเท่ากับ 7% ของ Vitamin B12 ความเข้มข้น 1%)
เนื่องจาก Vitamin B12 ช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายสร้างเซลล์ใหม่ได้ (regenerative, cell reproduction) จึงสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิว ที่ถูกทำลาย เช่นรอยแผลเป็นจากสิว ริ้วรอยที่เกิดจากผิวที่มีอายุมากขึ้น
การใช้ในปริมาณสูงจะทำให้สีของสูตรออกสีชมพูอ่อน
คำเตือน:
- Vitamin B12 อ่อนไหวต่อแสง (light sensitive) หากถูกแสง จะเสื่อมคุณภาพได้เร็ว ผลิตภัณฑ์จะต้องบรรจุในภาชนะที่ทึบแสง 100% ดังเช่นตัวอย่างผลิตภัณฑ์ Vitacreme B12 ที่บรรจุในหลอดอลูมิเนียม
- Vitamin B12 อ่อนไหวต่อค่า pH โดย pH ที่ดีที่สุดอยู่ที่ 5.8 และช่วงที่แนะนำอยู่ที่ 4.0-6.5 หากสูตรมี pH สูง หรือต่ำกว่าช่วงนี้ จะทำให้ Vitamin B12 เสื่อมคุณภาพได้เร็วขึ้น
- หลีกเลี่ยงการใช้ Vitamin ชนิดอื่นๆ เช่น Vitamin C, Vitamin B อื่นๆ ซึ่งมีผลกระทบต่อความเสถียรของ Vitamin B12
คำอธิบายจากภาพ:
1. เอนไซม์ KLK-5 มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งจะช่วยกาจัดเซลล์ผิวชั้นนอกสุดและเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกจากผิว
- การทำงานของเอนไซม์ KLK-5 เพิ่มขึ้น +50% หลังใช้ สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar
2. เอนไซม์ Ceramide synthase 3 (CerS3) มีหน้าที่ในการสังเคราะห์เซราไมด์ชนิดสายยาว (long-chain ceramides) ซึ่งมีบทบาทในการเชื่อมยึดระหว่างให้เซลล์ผิวให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
- ปริมาณของ CerS3 mRNA เพิ่มขึ้น +25% หลังใช้ สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar
3. Involucrin และ Filaggrin เป็นตัวบ่งชี้การแบ่งตัวใหม่ของเซลล์ของผิวชั้น Stratum spinosum และ Stratum granulosum ตามลำดับ
- ปริมาณของ Involucrin เพิ่มขึ้น +87% หลังใช้ สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar
- ปริมาณของ Filaggrin เพิ่มขึ้น +38% หลังใช้ สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar
4. KI-67 เป็นสารบ่งชี้ว่าเซลล์ Keratinocytes ในผิวชั้น Basal layers ได้มีการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนขึ้น
- ปริมาณของ KI-67 เพิ่มขึ้น +67% หลังใช้ สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar
5. เอนไซม์ caspase-14 เป็นเอนไซม์ที่สามารถเปลี่ยน Filaggrin ให้กลายเป็นกรดอะมิโนอิสระ (free amino acids) ซึ่งช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้แก่ผิว โดยกระบวนการนี้เกิดขึ้นในผิวชั้น Stratum corneum
- เอนไซม์ caspase-14 เพิ่มขึ้น +67% หลังใช้ สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar
สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar จึงถูกนำมาใช้เป็นสาร anti-aging ที่มีประสิทธิภาพดี และให้ผลรอบด้าน โดยจะต้องใช้อย่างต่ำ 30วัน ต่อเนื่อง จึงสามารถเห็นผลได้ชัดเจน และยืนยาว
1. เอนไซม์ KLK-5 มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งจะช่วยกาจัดเซลล์ผิวชั้นนอกสุดและเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกจากผิว
- การทำงานของเอนไซม์ KLK-5 เพิ่มขึ้น +50% หลังใช้ สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar
2. เอนไซม์ Ceramide synthase 3 (CerS3) มีหน้าที่ในการสังเคราะห์เซราไมด์ชนิดสายยาว (long-chain ceramides) ซึ่งมีบทบาทในการเชื่อมยึดระหว่างให้เซลล์ผิวให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
- ปริมาณของ CerS3 mRNA เพิ่มขึ้น +25% หลังใช้ สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar
3. Involucrin และ Filaggrin เป็นตัวบ่งชี้การแบ่งตัวใหม่ของเซลล์ของผิวชั้น Stratum spinosum และ Stratum granulosum ตามลำดับ
- ปริมาณของ Involucrin เพิ่มขึ้น +87% หลังใช้ สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar
- ปริมาณของ Filaggrin เพิ่มขึ้น +38% หลังใช้ สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar
4. KI-67 เป็นสารบ่งชี้ว่าเซลล์ Keratinocytes ในผิวชั้น Basal layers ได้มีการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนขึ้น
- ปริมาณของ KI-67 เพิ่มขึ้น +67% หลังใช้ สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar
5. เอนไซม์ caspase-14 เป็นเอนไซม์ที่สามารถเปลี่ยน Filaggrin ให้กลายเป็นกรดอะมิโนอิสระ (free amino acids) ซึ่งช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้แก่ผิว โดยกระบวนการนี้เกิดขึ้นในผิวชั้น Stratum corneum
- เอนไซม์ caspase-14 เพิ่มขึ้น +67% หลังใช้ สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar
สารสกัดจาก ต้นสนญี่ปุ่น Japanese Cedar จึงถูกนำมาใช้เป็นสาร anti-aging ที่มีประสิทธิภาพดี และให้ผลรอบด้าน โดยจะต้องใช้อย่างต่ำ 30วัน ต่อเนื่อง จึงสามารถเห็นผลได้ชัดเจน และยืนยาว